สงครามครั้งสุดท้ายของอิสลามกับมหาอำนาจ

     ในช่วงเวลานี้ อิหร่าน ซีเรียและกลุ่มฮิซบุลลอฮ์อยู่ในฝ่ายหนึ่ง ส่วนประเทศอื่นๆ อย่างเช่น ตุรกีและประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของรัฐบาลไซออนิสต์ผู้ยึดครองแผ่นดินอัลกุดส์อยู่ในอีกฝ่ายหนึ่ง การคำนวณและการคาดการณ์ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับระดับการต้านทานของซีเรียที่มีต่อวิกฤติ (ฟิตนะฮ์) ต่างๆ เหล่านี้ หากกำแพงของฝ่ายอนุรักษนิยมได้พังทลายลง พลังงาน (แรงระเบิด) ที่ถูกสะสมไว้ใจช่วงระยะเวลาที่ยาวนานหลายปีก็จะได้รับการปลดปล่อย

      ตามการรายงานของนักข่าว “blogosphere” ของเว็บไซต์ “มัชริก” (mashreghnews) : นักเขียนบล็อก “ฮินดะวอเนฮ์ซัรบอซ” (ทหารแตงโม) ได้เขียนไว้ในบทความล่าสุดของเขาว่า : ในช่วงตลอดระยะเวลาของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ หากเราจะค้นหาสถานที่สักแห่งหนึ่งที่ไม่เคยพบกับความสงบสุขและความเงียบสงบกับเขาเลยนั้น จำเป็นที่เราจะต้องยกตัวอย่างของตะวันออกกลาง ซึ่งตะวันออกกลางนั้นเป็นสถานที่ปรากฏของบรรดาศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก บรรดาอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ และส่วนใหญ่ของสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายของโลกก็อยู่ที่นี่ และแม้แต่สงครามต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดก็ได้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

     ในกรณีสุดท้าย (สงคราม) นี้ ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเฉพาะในยุคโบราณในช่วงอดีตอันไกลโพ้นเท่านั้น ทว่าในช่วงเวลาขณะนี้ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังง่วนกับการอ่านข้อเขียนนี้อยู่ ตะวันออกกลางก็กำลังพบกับความขัดแย้งและการเผชิญหน้ากันอย่างมากมาย ซึ่งทำให้โลกทั้งมวลต้องตกอยู่ภายใต้ผลกระทบของมัน

     ในความคิดของผม ท่านศาสดาอาดัม (อ.) หลังจากลงมาสู่โลกนี้แล้ว ท่านได้เพาะปลูกเมล็ดพันธุ์อันสูงส่งไว้ในดินแดนตะวันออกกลาง เพื่อที่จะได้เก็บเกี่ยวผลแห่งความสงบสุขและสันติภาพของมัน และท่องไปในมหาสมุทรทั้งเจ็ด ในตลอดระยะเวลาประวัติศาสตร์บรรดามหาอำนาจจำนวนมากได้เดินทางมายังดินแดนในภูมิภาคนี้ เพื่อครอบครองความมั่งคั่งและทรัพยากรธรรมชาติทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งน้ำมัน พวกเขาได้เข่นฆ่าและทำลายล้างมนุษยชาติจำนวนมาก แต่ปัจจุบันนี้เราได้มองเห็นความพินาศจำนวนมากที่กำลังเกิดขึ้นกับบรรดาเครือข่ายของมหาอำนาจเหล่านี้ บรรดามหาอำนาจผู้ซึ่งกดขี่และการก่ออาชญากรรมต่างๆ มาในช่วงระยะเวลาอันยาวนาน มาบัดนี้พวกเขาต้องเผชิญกับความอ่อนหล้าและการสิ้นท่าหมดน้ำยา

     เหตุการณ์ต่างๆ ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ และตราชู (แห่งการถ่วงดุล) กำลังหนักไปทางกลุ่มประเทศผู้ต่อต้านจอมแบบเผด็จของโลก (หมายถึงอเมริกา) และเป้าหมายแรกของพวกเขาคือการทำลายล้างประเทศอิสราเอลที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา และท้ายที่สุดก็คือการทำลายล้างลัทธิจักรวรรดินิยมแห่งโลกลงอย่างราบคาบ ประเทศที่ทรงพลังที่สุดที่จะจัดตั้งแนวรบกับอเมริกาและลัทธิจักรวรรดินิยมของโลกได้นั้น ก็คือประเทศสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ซึ่งโดยการพึ่งพิงต่อความเชื่อต่างๆ อันมั่นคงของตน และด้วยกับหัวใจที่แน่วแน่มั่นคงภายใต้การชี้นำของผู้นำที่เปรี่ยมไปด้วยวิทยปัญญา ซึ่งได้ชักดาบอันคมกริบของความยุติธรรมแห่งโลกออกมา และเพื่อที่จะลบศัตรูออกไปจากเวทีแห่งยุคสมัย การปฏิวัติของอิหร่านได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นหนึ่งสำหรับการก่อตัวขึ้นของกระแสขับเคลื่อนต่างๆ อันยิ่งใหญ่ดังกล่าวนี้ และอิหร่านนี่เองที่เป็นผู้ให้แนวทางต่างๆ ที่เป็นความเสมอภาคแก่ภูมิภาคนี้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือแก่โลกทั้งมวล แต่ทว่าศัตรูเองก็มิได้นิ่งเฉย ในท่ามกลางการปฏิวัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ ซึ่งเริ่มต้นจากประเทศตูนิเซีย ที่ต้องเผชิญกับการปลุกปั่นต่างๆ จากฝ่ายศัตรู โดยมีข่าวคราวเกี่ยวกับแผนการสำคัญที่ต้องการทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลง และการสร้างสงครามแบบเผชิญหน้า เพื่อสร้างพื้นที่การหายใจให้แก่มะเร็งร้ายแห่งอิสราเอล

      กลุ่มล็อบบี้ยิสต์ชาวยิวไซออนิสต์ ได้มองเห็นการพังทลายของที่มั่นต่างๆ ของตัวเองในประเทศทั้งหลายที่มีปฏิวัติ และนี่คือทิศทางแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ซึ่งหมายถึงการสิ้นสลายของรังโจรของพวกเขา แต่เพื่อที่จะสกัดกั้นกลุ่มขบวนการนักต่อสู้เหล่านี้ พวกเขาก็ได้พยายามที่จะทำลายลูกโซ่ (โดมิโน) นี้ลง ในอีกด้านหนึ่ง อเมริกาเองก็ถูกบังคับให้ต้องยอมถอนกองกำลังออกจากอิรัก และนี่หมายถึงหน้าด่านคุ้มกันแรกของอิสราเอลที่กำลังถูกทำลายลง และด้วยเหตุนี้เองเพื่อที่จะพิทักษ์ปกป้องพรมแดนต่างๆ ของตัวเองให้ห่างไกลจากภยันตราย ชาวยิวไซออนิสต์จึงจำเป็นต้องทำให้พื้นที่ที่เคยสงบสุขและปลอดภัยของบรรดาประเทศที่อยู่โดยรอบเหล่านั้น ต้องกลายเป็นพื้นที่ที่ไร้ความสงบสุขและเต็มไปด้วยวิกฤติ เพื่อว่าด้วยกับความไร้ระบบระเบียบและความโกลาหลของรัฐบาลเพื่อนบ้านเหล่านั้นจะทำให้พวกเขาสามารถขยายเขตแดนการยึดครองแผ่นดินปาเลสไตน์ได้ แผนการดังกล่าวนี้ก็คือการจับปลาในน้ำโคลนนั่นเอง ซึ่งในวันนี้ได้เพิ่มค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับรัฐบาลซีเรีย

      หากเราพิจารณาดูแผนที่ให้ดีแล้ว ซีเรียนั้นคือพันธมิตรของอิหร่านและเป็นหน้าด่านแรกในการต่อสู้กับรัฐบาลไซออนิสต์ ซึ่งในสถานการณ์ที่เหมาะสมนั้นจะมีทิศทางในการโจมตีทางภาคพื้นดินเข้าไปยังภูมิภาคนี้ จากเหตุผลดังกล่านี้เองถ้าหากบรรดาไซออนิสต์เริ่มต้นสงครามกลางเมืองได้ พวกเขาก็จะสามารถรวมประเทศซีเรียเข้าอยู่ในแผ่นดินของตนเองได้ ด้วยกับการโจมตีเพียงครั้งเดียวในสภาวะเงื่อนไขที่เลวร้ายที่สุดของประเทศซีเรีย และเปิดทางหายใจให้แก่ชีวิตของตนเองได้

      แต่ในช่วงเวลานี้ซึ่งด้านหนึ่งคืออิหร่าน ซีเรียและกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ส่วนในอีกด้านหนึ่งคือประเทศอื่นๆ อย่างเช่น ตุรกีและประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของรัฐบาลไซออนิสต์ผู้ยึดครองแผ่นดินอัลกุดส์ การคำนวณและการคาดการณ์ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับระดับการต้านทานของซีเรียที่มีต่อวิกฤต (ฟิตนะฮ์) ต่างๆ เหล่านี้ หากเขื่อนที่ปิดกั้นฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้พังทลายลง พลังงาน (แรงระเบิด) ที่ถูกสะสมไว้ในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานหลายปีก็จะได้รับการปลดปล่อย และกระแสน้ำมวลใหญ่ก็จะเริ่มไหลบ่า ซึ่งจะนำความพินาศย่อยยับมาสู่ตนเองพร้อมกับมวลผู้ปฏิเสธและพลพรรคของมารร้าย (ชัยฏอน) ในที่สุด เราจะต้องไม่ลืมคำพูดที่ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ได้เคยกล่าวไว้ว่า “หากประชาชาติอิสลามแต่ละคนได้นำน้ำปริมาณเพียงเล็กน้อย เทลงไปบนประเทศอิสราเอลแล้ว อิสราเอลก็จะจมลงสู่ใต้น้ำนั้น”


ที่มา : mashreghnews.ir

แปลและเรียบเรียง :ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม