ซาอุดีอาระเบียจะเปิดประตูของตนต้อนรับชาวอิสราเอลจริงหรือ?

      ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบียกับอิสราเอลซึ่งกรุงริยาดกำลังดิ้นรนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่เพียงการประชุมลับต่างๆ ในวอชิงตันหรือการเดินทางอย่างลับๆ ของเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียไปยังเทลอาวีฟเพียงเท่านั้น

      ตัสนีมรายงานโดยอ้างจากโทรทัศน์ "นะบะ" ว่า ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิสราเอลกำลังเกิดขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และกำลังขยับจากขั้นตอนของการสร้างความสัมพันธ์ระดับปกติแบบลับๆ ไปสู่การประสานงานและการมีจุดยืนหนึ่งเดียวกัน จนถึงกระทั่งว่าซาอุดีอาระเบียพยายามจะเปิดประตูต่างๆ ของตนให้แก่นักท่องเที่ยวของระบอบไซออนิสต์ผู้ยึดครองดินแดนปาเลสไตน์เลยทีเดียว

     ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามที่จะสร้างจุดยืนหนึ่งเดียวกันในปัญหาต่างๆ ของภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับอิหร่านซึ่งทั้งสองถือว่าเป็นภัยคุกคามร่วมกัน

     ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบียกับอิสราเอลซึ่งกรุงริยาดกำลังดิ้นรนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งมันนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่เพียงการประชุมลับต่างๆ ในวอชิงตันหรือการเดินทางอย่างลับๆ ของเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียไปยังเทลอาวีฟเท่านั้น แต่ทว่าในกรณีของความสัมพันธ์กับระบอบไซออนิสต์นั้น ซาอุดีอาระเบียกำลังหาทางสำหรับการบรรลุสิ่งที่มากกว่านั้น นั่นคือความสัมพันธ์ที่มั่นคงยั่งยืนกับบรรดาประชาชนผู้ตั้งถิ่นฐาน และไม่ใช่เฉพาะกับเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลเพียงเท่านั้น

เป็นไปได้ที่ชาวอิสราเอลจะได้เยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในซาอุดิอาระเบีย

     เกี่ยวกับเรื่องนี้ หนังสือพิมพ์ "The Times of Israel" ได้เขียนว่า : "บางทีชาวอิสราเอลจะสามารถเดินทางไปยังซาอุดิอาระเบียและเยี่ยมชมร่องรอยต่างๆ ทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับชาวยิวในที่นั่น อย่างเช่น "ป้อมปราการค็อยบัร" ด้วย

      แหล่งข่าวนี้ยังได้อ้างถึงการเดินทางไปยังอิสราเอลของ "อันวาร์ เอชกี" นายพลซาอุฯ ในปี 2017 ไว้ในรายงานของตน และถือว่าสิ่งนี้สะท้อนถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนระหว่างสองประเทศ

      ตามข้อเขียนของหนังสือพิมพ์นี้ นับตั้งแต่ 70 ปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ชาวยิวไม่ได้มีกิจกรรมใดที่เป็นระบบในประเทศซาอุดีอาระเบียเลย และการเข้าสู่ซาอุดิอาระเบียเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับพวกเขา แต่ตั้งแต่ปี 2014 บางคนจากพวกเขาก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในดินแดนซาอุดีอาระเบียได้

     การเปลี่ยนแปลงที่เห็นอยู่ในขณะนี้เกิดจากความพยายามต่างๆ ของมุฮัมมัด บินซัลมาน มกุฏราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย เพื่อที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเทลอาวีฟ และขณะนี้กำลังขยายและลุ่มลึกยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

ความเป็นไปได้ในการเดินทางไปยังฮิญาซของชาวอิสราเอล

      หนังสือพิมพ์ดังกล่าวถือว่าการเยือนกรุงเทลอาวีฟของนายพลอันวาร อิชกี และการพบปะกับเจ้าหน้าที่ทางการทูตและสมาชิกของรัฐสภา (Knesset) บางคนนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของขั้นตอนใหม่ซึ่งบางทีอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลเดินทางไปยังสถานที่ทางประวัติศาสตร์และโบราณสถานของดินแดนฮิญาซ

      ในเรื่องนี้มีสถานที่สำคัญของชาวยิวในซาอุดิอาระเบียห้าแห่งที่ถูกพิจารณา โดยที่ชาวอิสราเอลให้ความสนใจ และเป็นไปได้ว่าในช่วงเวลาอันใกล้นี้ สถานที่ต่างๆ ที่ซาอุดีอาระเบียจะอนุญาตให้ชาวยิวเข้าเยี่ยมชมซึ่งหนึ่งในนั้นคือป้อมปราการและปราสาท "ค็อยบัร"

      ประเด็นที่น่าสนใจก็คือว่า ภายใต้การสนับสนุนของบินซัลมาน เจ้าหน้าที่ชาวอิสราเอลในกรุงเทลอาวีฟก็รู้สึกพึงพอใจกับความกระตือรือร้นของริยาดที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระดับปกติกับเทลอาวีฟและการให้ข้อได้เปรียบแก่อิสราเอลในประเด็นของปาเลสไตน์ และพวกเขาถือว่ากรณีดังกล่าวเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงการยอมจำนนของซาอุดีอาระเบีย


ที่มา : สำนักข่าวตัสนีม

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม