foto1
foto1
foto1
foto1
foto1

In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم

Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم

ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You

WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center

Get Adobe Flash player

ภาพ-นิทรรศการ

25,10,0,50,1
5,600,50,1,3000,500,25,800
100,150,1,50,12,30,50,1,70,12,1,40,1,1,1,3000
0,1,0,0,2,40,15,5,2,1,0,17,0,1
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...

เปิดปูมผู้เบื้องหลังการโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในเมืองกัรบะลา อัศศ็อรคีย์ เขาคือใคร?

    แหล่งข่าวต่างๆ ในอิรักระบุว่า “มะห์มูด อัศศ็อรคีย์” เป็นหนึ่งในตัวการหลักที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกัรบะลา เขาคือผู้ที่อ้างตนว่าเป็นมุจญ์ตะฮิดและกล่าวอ้างว่ามีความสัมพันธ์กับอิมามมะฮ์ดี (อ.) แต่แหล่งข่าวต่างๆ ถือว่าเขาคือ “ตัวการ”

    เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ (3 พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา บุคคลนิรนามจำนวนหนึ่งได้บุกโจมตีสถานกงสุลของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในเมืองกัรบะลา ประเทศอิรัก

    เว็บไซต์ข่าว “อัล คอลีจ อัล เยาม์” (alkhalijalyoum) รายงานโดยอ้างจากผู้เห็นเหตุการณ์ว่า กลุ่มคนที่ได้โจมตีอาคารสถานกงสุลของอิหร่านนั้น มีจำนวนประมาณ 300 คน บุคคลเหล่านี้ได้ถูกนำพามาจากเขตพื้นที่ “ฏอวีรีจ” ตั้งอยู่นอกเขตจังหวัดกัรบะลา

     เว็บไซต์ข่าวนี้ได้กล่าวว่า คนกลุ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งจากกองกำลังของ “มะห์มูด อัศศ็อรคีย์” ซึ่งเป็นบุคคลที่อ้างตัวเองว่าเป็นหนึ่งใน “มัรเญี๊ยะอ์ตักลีด” หรือนักวิชาการศาสดาระดับสูงในอิรักและเรียกตัวเองว่า อายะตุลลอฮ์และมัรเญี๊ยะอ์

     แต่ทว่า “มะห์มูด อัศศ็อรคีย์” นั้นเป็นใครซึ่งอ้างตนว่า เป็นนักวิชาการศาสนาของสำนักคิดชีอะฮ์? ใช้ผ้าโพกศีรษะ (อะมามะฮ์) สีดำ และในขณะเดียวกัน บรรดาผู้สนับสนุนของเขาได้บ่อนทำลายทรัพย์สินสาธารณะและสร้างความโกลาหลซ้ำๆ หลายครั้งในเมืองกัรบะลา

    ชื่อของเขาคือ “เชคมะห์มูด บินอับดุรริฎอ บินมุฮัมมัด อัศศ็อรคีย์”  อัศศ็อรคีย์ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันในปี ค.ศ. 2003 ก่อนการโค่นล้มระบอบการปกครองของซัดดัม ฮุสเซน และได้ประกาศตัวเองว่าเป็นหนึ่งในมัรเญี๊ยะอ์ตักลีด (นักวิชาการศาสดาระดับสูง) ของอิรัก

    เขาอ้างตนว่าเป็น “อายะตุลลอฮ์” ในขณะที่อายะตุลลอฮ์ในหลักฟิกฮ์ (นิติศาสตร์) ของชีอะฮ์นั้น คือผู้ที่ไปถึงระดับของ “อิจญ์ติฮาด” (การวินิจฉัยปัญหาศาสนา) แต่ไม่มีมัรเญี๊ยะอ์หรืออายะตุลลอฮ์ท่านใดให้การยืนยัน (ชะฮาดัต) ว่าเขาได้มาถึงระดับนี้

    ในปี 2014 ในช่วงเวลาที่อัศศ็อรคีย์และกลุ่มผู้สนับสนุนของเขาได้ก่อความวุ่นวายขึ้นในเมืองกัรบะลานั้น สถานีข่าวอัลอาราบีย่าของซาอุดิอารเบียได้รายงานว่า : “เขาเป็นผู้ต่อต้าน "บรรดาผู้นำทางศาสนา (มัรเญี๊ยะอ์) ของชีอะฮ์ในอิรัก" เขามีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองนะญัฟ" ซึ่งมีท่านอายะตุลลอฮ์อะลี ซิซตานีเป็นผู้นำอยู่”

     ตามรายงานนี้ได้ประเมินจำนวนของสมาชิกติดอาวุธในเครือของ “มะห์มูด อัศศ็อรคีย์” ว่ามีจำนวนประมาณ 25,000 ถึง 30,000 คน ซึ่งในปี 2014 ได้เคยปะทะกำลังกับกองกำลังของรัฐบาลกลางอิรัก

     อัลอาราบียังกล่าวย้ำถึงข้ออ้างของกลุ่มสมาชิก มะห์มูด อัศศ็อรคีย์ ที่เรียกร้องให้มี “การจัดตั้งรัฐตามแนวทาง (มัซฮับ) ชีอะฮ์ในอิรัก บนพื้นฐานหลักการวิลายะตุ้ลฟะกีฮ์ (การปกครองของนักนิติศาสตร์อิสลาม)” และในเวลาเดียวกันได้รายงานว่า "ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดที่กำลังเผชิญกับแบกแดดนั้นมาจากภาคใต้ ... และกลุ่มต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่นี้สามารถที่จะเป็นภัยคุกคามต่ออิรักและอิหร่านได้"

     อัศศ็อรคีย์ ซึ่งอ้างว่าสืบเชื้อสายมาจากท่านอิมามฮะซัน (อ.) กล่าวกันว่าเขาเกิดในปี ค.ศ.1964 ในเมืองกาซิมัยน์ เขาจบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยแบกแดดในปี 1987 อัศศ็อรคีย์ได้เก็บตัวก่อนที่ซัดดัม ฮุสเซน จะถูกประหารชีวิต และก่อนที่พรรคบาธของอิรักจะถูกยุบ ซึ่งเขาได้ปรากฏตัวอีกครั้งในพื้นที่ต่างๆ เช่น กัรบะลา หลังจากการปรากฏตัวขึ้นของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและการเริ่มต้นการเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของพรรคบาธ และการก่อการร้ายของพวกเขาในอิรัก

     ในปี 2005 เขาได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันในเมือง “ฮิลละฮ์” ของอิรัก และในเวลาอันสั้นเขาได้เปิดสำนักงานหลายแห่งขึ้นในเมืองต่างๆ ของอิรัก อันเป็นพื้นที่อาศัยของชาวชีอะฮ์ และได้กล่าวอ้างว่า จะทำการต่อสู้กับกองทหารของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาได้อ้างว่าได้สังหารทหารสหรัฐฯ ได้ 3 นาย

     หลังจากการกล่าวอ้างว่าได้สังหารทหารสหรัฐฯ 3 นาย เขาก็กล่าวอ้างว่าได้พบกับท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) การกล่าวอ้างนี้ได้เผชิญกับปฏิกิริยาต่อต้านที่รุนแรงจากบรรดามันเญี๊ยะอ์และชาวชีอะฮ์ของอิรัก หลังจากตรวจสอบภูมิหลังของเขาแล้ว เป็นที่ชัดเจนว่า เขาก็เป็นผู้หนึ่งจากอดีตสมาชิกกองกำลังของหน่วยความมั่นคงของพรรคบาธ ซึ่งเขาได้ก้าวออกมาสู่สนามโดยการร่วมมือหน่วยสืบราชการลับของซาอุดิอาระเบีย และมีเป้าหมายเพื่อทำลายสถาบันมัรเญี๊ยะอ์ของชีอะฮ์

     กล่าวกันว่า ชื่อของอัศศ็อรคีย์ในช่วงเริ่มแรกนั้นคือ “มะห์มูด อับดุรริฎอ อัลบะฮาดิลี” และต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “เชคมะห์มูด อัลตะมีมี” ในช่วงเวลาที่เขามีชื่อว่า “เชคมะห์มูด อัลตะมีมี”นั้น เขาแต่งกายด้วยผ้าโพกศีรษะ (อะมามะฮ์) สีขาว และเขาถูกกล่าวถึงในฐานะเป็นตำรวจความมั่นคงของอิรัก ซึ่งหลังจากระยะเวลาหนึ่งเขาได้เปลี่ยนชื่อของตนเองเป็น “ซัยยิดมะห์ อัศศ็อรคีย์” แล้วต่อมาก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนด้วยด้วยผ้าโพกศีรษะ (อะมามะฮ์) สีดำ

อัศศ็อรคีย์ จากการถูกดึงเข้าสู่หน่วยสืบราชการลับของอิรัก ไปจนถึงการเรียนรู้ไสยศาสตร์ในปากีสถาน

     เว็บไซต์ข่าว “กะนูซมีเดีย” (knoozmedia) ได้เขียนเกี่ยวกับอัศศ็อรคีย์ว่า ในช่วงทศวรรษ 1990 อัศศ็อรคีย์ ได้ติดตั้งจานดาวเทียมขึ้นในบ้านของตน และด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เขาได้ถูกจับกุมและถูกตัดสินให้เสียค่าปรับเป็นเงินจำนวน 300,000 ดินาร์อิรัก ในช่วงเวลาที่เขาถูกคุมขังนั้น เขาได้ค้นคว้าและเขียนเกี่ยวกับปรัชญา เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงผู้หนึ่งได้ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ และรายงานให้เจ้าหน้าที่ต้นสังกัดทราบ หน่วยสืบราชการลับของอิรักก็ได้โน้มน้าวเขาและจัดหลักสูตรการศึกษาด้านศาสนา (ความเชื่อและนิกาย) ให้กับเขา จากนั้นได้ส่งเขาไปยังปากีสถานเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับไสยศาสตร์

     ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าวนี้ หนึ่งปีต่อมาเขาได้เดินทางจากปากีสถานกลับมายังอิรัก และตั้งชื่อตัวเองว่า "เชคมะห์มูด อัลตะมีมี" หลังจากนั้นเขาได้สวมผ้าโพกศีรษะสีขาว และกลายเป็นที่รู้จักในนาม เซคมะห์มูด”  หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้สวมผ้าโพกศีรษะสีดำ และได้ตั้งชื่อให้กับตัวเองว่า “มะห์มูด อัศศ็อรคีย์”  ต่อมาไม่นานเขาได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น “ซัยยิดมะห์มูด อัลฮะซะนี” และบอกกับประชาชนว่า เขาคือ “ซัยยิดอัลฮะซัน อัลคุราซานี” ซึ่งรู้จักท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ช่วงเวลาต่อมาเขากล่าวอ้างว่า เป็นตัวแทนของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) และต่อมาก็อ้างว่าตัวเขาเองคือ อิมามมะฮ์ดี (อ.) แต่ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวเอง

    ตามรายงานนี้ หลังจากการพูดเรื่องไร้สาระเหล่านี้ กองทัพอิรักได้จับกุมเขาในข้อหาว่าก่อความเสียหาย และเกิดจากความกลัวที่ว่า ความสัมพันธ์ของเขากับรัฐบาลพรรคบาธจะถูกเปิดเผย ในปี 2014 บรรดาสมาชิกผู้สนับสนุนอัศศ็อรคีย์ได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่างๆ ในเมืองนะญัฟ และพวกเขากล่าวอ้างว่า อัศศ็อรคีย์นั้นคืออิมามมะฮ์ดี (อ.)

การลอบสังหารบรรดามัรเญี๊ยะอ์ตักลีด (นักวิชาการศาสดาระดับสูง) ของอิรักภายใต้ข้ออ้าง “ความไม่พอใจของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.)”

    อัศศ็อรคีย์เป็นผู้ต่อต้านสถาบันมัรเญี๊ยะอ์ของอิรัก เขาก่อตั้งกลุ่มที่มีชื่อว่ากลุ่ม "การประหารชีวิตของอิมามมะฮ์ดี (อ.)" ภารกิจของกลุ่มนี้คือ การลอบสังหารบรรดามัรเญี๊ยะอ์ของอิรัก พวกเขากล่าวอ้างว่า ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ไม่พอใจบรรดามัรเญี๊ยะอ์และด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องถูกสังหาร

    เขาเป็นหนึ่งในบุคคลลึกลับที่เป้าหมายของเขาไม่เป็นที่ชัดเจน แต่บรรดาอุละมาอ์ของชีอะฮ์มีทัศนะความเห็นตรงกันเกี่ยวกับความมดเท็จของคำกล่าวอ้างของเขา แม้ว่าอัศศ็อรคีย์จะไม่มีแหล่งรับรองความรู้ใดๆ แต่เขาได้แนะนำตนเองว่า เป็นหนึ่งในสานุศิษย์ของชะฮีดอายะตุลลอฮ์มุฮัมมัดบากิร อัลอัศศ็อกริ์ และชะฮีดมุฮัมมัดซอดิก อัศศ็อดริ์ และในช่วงอายุสี่สิบปี เขาได้เริ่มต้นการเคลื่อนไหวต่างๆ ด้วยการกล่าวอ้างว่าเป็นนักวิชาการศาสดาระดับสูง "ความเป็นมัรเญี๊ยะอ์" ในอิรัก หลังจากการปรากฏตัวอย่างเปิดเผนต่อหน้าสาธารณชน บรรดาผู้สนับสนุนจากชาวชีอะฮ์ในภาคใต้ของอิรักก็ได้มารวมตัวอยู่รอบข้างเขา ซึ่งแนวคิดเบี่ยงเบนใหม่นี้ได้ก่อตัวขึ้นและนำไปสู่ความไม่พอใจและการต่อต้านบรรดามัรเญี๊ยะอ์ตักลีด ด้วยกับคำกล่าวอ้างของเขาว่าเป็นผู้สืบสานแนวทางของชะฮีดอายะตุลลอฮ์ซัยยิดมุฮัมมัดบากิร อัลอัศศ็อดริ์นั้น ทำให้อายะตุลลอฮ์ซัยยิดกาซิม ฮาอิรีได้ประกาศในการตอบคำขอฟัตวาหนึ่งเกี่ยวกับเขาว่า : "ซัยยิดมะห์มูด อัศศ็อรคีย์ อัลฮะซะนี ไม่ใช่มุจญ์ตะฮิดและเราไม่ไว้ใจเขา"

การคัดค้านของอัศศ็อรคีย์ ในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส

     เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ปฏิเสธคำฟัตวาของอายะตุลลอฮ์ซิสตานีในปี 2014 สำหรับการระดมประชาชนเพื่อะต่อสู้กับกลุ่มไอซิสในภาคเหนือและตะวันตกของอิรัก ในช่วงเวลานั้น อัศศ็อรคีย์อ้างว่าสมาชิกกลุ่มไอซิสเป็นชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ และการจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับกลุ่มไอซิสนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม และคำฟัตวาของอายะตุลลอฮ์ซิสตานีก็ไม่ถูกต้อง (บาฏิล)

     ประเด็นที่น่าสนใจก็คือว่า บรรดาสมาชิกในเครือของอัศศ็อรคีย์นี้เช่นกัน ที่ได้ทำการโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านในเมืองบัศเราะฮ์ในปี 2006 ด้วยเหตุผลนี้เองที่อุละมาอ์ (นักวิชาการศาสนา) ของชีอะฮ์บางคนจึงให้ฉายาเขา เช่น "คนวิปริต" และ "คนวิปริตที่ทำให้ผู้อื่นหลงผิด"

     โทรทัศน์ “อัลอาลัม” ก็ชี้ถึงการดำเนินการต่างๆ ของกลุ่มอัศศ็อรคีย์ ในการโจมตีไปยังพื้นที่สีเขียวของกรุงแบกแดดในปี 2016 และการเผาสถานกงสุลของอิหร่านในปี 2018 โดยรายงานว่า กลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังการโจมตีทั้งหมดต่อองค์การ “อัลฮะซัด อัลชะอ์บี”  (กองกำลังอาสาสมัครประชาชน) , สถาบันมัรเญี๊ยะอ์, สัญลักษณ์ต่างๆ ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) และกองกำลังต่อต้าน (มุกอวะมะฮ์)

 ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องของอัศศ็อรคีย์กับซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอเมริกา

ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องของอัศศ็อรคีย์กับซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอเมริกา

     อัลอาลัมถือว่า อัศศ็อรคีย์ คือคนในเครือของซาอุดิอาระเบียและขั้วต่อต้านกองกำลังของกลุ่มมุอวะมะฮ์ ซึ่งได้รายงานว่า หลังจากการบุกอิรักของกลุ่มไอซิสและการคุกคามเมืองกัรบะลาและเมืองนัญัฟ อัชร๊อฟ โดยสมาชิกของกลุ่มนี้ อัศศ็อรคีย์ ได้เรียกร้องให้บรรดาประเทศที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรต่อสู้กับไอซิสภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกาว่า ให้ยอมรับถึง “ความฉลาดและความกล้าหาญ” สมาชิกกลุ่มไอซิและด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ เขาถือว่าการทำสงครามกับไอซิสนั้นไร้ประโยชน์

     นอกจากนี้เขายังได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์อัลวะฏันของอียิปต์ว่า ไอซิสเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นจริงอย่างหนึ่งและเป็นปรากฏการณ์ที่จะไม่หมดไปโดยเร็ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรที่จะใช้เวลาให้สูญเปล่าไปกับการทำลายพวกมัน ซึ่งเลือดจะถูกหลั่งมากยิ่งขึ้นใน "สงครามต่างๆ ที่ไร้ประโยชน์และเป็นการทำลายล้างที่แท้จริง"

     อัศศ็อรคีย์ ในขณะที่ให้การสนับสนุนซาอุดิอาระเบียอย่างเต็มที่ในการรุกรานประเทศเยเมนนั้น เขากล่าวว่า : "เราขอปกป้อง สนับสนุนและให้การต้อนรับพันธมิตรอิสลามอย่างเต็มที่"

     เกี่ยวกับการเป็นชะฮีด (การถูกสังหาร) ของอายะตุลลอฮ์ "นิมร์ บากิร อัลนิมร์" โดยรัฐบาลซาอุดิอาระเบียนั้น อัศศ็อรคีย์ได้โจมตีบรรดานักวิชาการศาสนาของอิหร่านและอิรัก เนื่องจากการสนับสนุนอายะตุลลอฮ์ “"นิมร์ บากิร อัลนิมร์" พร้อมกับอ้างว่า เขาไม่ใช่พลเมืองของอิหร่านและอิรัก และไม่มีการแสดงท่าทีใดๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่ออิรักและประชาชนอิรัก

     ในปี 2013 อัศศ็อรคีย์ ก็ได้กล่าวอ้างเช่นกันว่า ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.) ได้ออกคำสั่งโดยตรงกับเขา "ให้สังหาร “นูรี อัลมาลิกี” (อดีตนายกรัฐมนตรีอิรัก) และซัยยิดมุกตะดา อัศศ็อดริ์”  (ผู้นำขบวนการเคลื่อนไหวอัศศ็อดริ์)”

     อย่างไรก็ตาม ในการชุมนุมประท้วงล่าสุดในอิรักที่เริ่มต้นขึ้นด้วยการประท้วงต่อต้านการทุจริตและการว่างงาน บางประเทศและกลุ่มการเมืองได้ฉวยโอกาสดังกล่าวนี้ในหน้าสื่อต่างๆ ในการสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่ออัศศ็อรคีย์ และซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สมาชิกพรรคยาธและสหรัฐอเมริกา เป็นผู้สนับสนุนหลักของเขา


ที่มา : สำนักข่าวฟาร์ส

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม