สามปีได้ผ่านพ้นไปการประหารชีวิตอายะตุลลอฮ์เชคนิมร์ บากิร อัล-นิมร์ ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์การทุจริตของรัฐบาลและต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการ นอกจากนี้รัฐบาลซาอุดิอาระเบียยังได้ปฏิเสธที่จะส่งมอบศพให้แก่ครอบครัวของเขา.....

    ในขณะที่ได้ผ่านช่วงเวลาของการถูกประหารชีวิตของเชคนิมร์ไปแล้วสามปี การเป็นชะฮีด (สละชีพ) ของบุคคลผู้มีเกียรติผู้นี้ยังคงเขย่าฐานของบัลลังก์ของซาอุดิดาระเบีย เลือดอันบริสุธิ์ของเขายังคงย้ำเตือนต่อทุกคนว่า การเสียสละชีวิตของตนเพื่อจะรักษาศักดิ์ศรีและเกียรติของประชาชาตินี้อย่างไร

    ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามกล่าวในเรื่องนี้ว่า : "การถูกสังหารของบุคคลเช่นนี้ นับเป็นอาชญากรรมที่แท้จริงและใหญ่หลวง และโลกจะต้องมีสำนึกรับผิดชอบต่อประเด็นนี้"

    การประหารชีวิตเชคนิมร์เกิดขึ้นด้วยข้ออ้าง "การกบฏต่อผู้ปกครอง (วะลียุลอัมร์)" ในขณะที่เขาได้วิพากษ์วิจารณ์การทุจริตของรัฐบาลและต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการ ยืนหยัดเผชิญหน้ากับเผด็จการแห่งราชวงศ์อัลคาลิฟาในบาห์เรน ประกาศการสนับสนุนการชุมนุมประท้วงของประชาชนในภูมิภาคของตนในซาอุดิอาระเบียและการเคลื่อนไหวอย่างสันติของประชาชนชาวบาห์เรนซึ่งได้ตกเป็นเป้าของกองกำลังระบอบการปกครองของบาห์เรนอยู่ตลอดเวลา

    ซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ เลขาธิการฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอนได้กล่าวเกี่ยวกับเชคนิมร์ว่า : "เขาเป็นนักปฏิรูปและเรียกร้องสิทธิของประชาชนในคาบสมุทรอาหรับ ภูมิภาคที่ถูกเรียกว่าราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย เชคนิมร์กล่าวไว้ว่า ประชาชนเหล่านี้มีสิทธิ์ที่จะเลือกผู้ปกครองของตนเอง

    อาชญากรรมการประหารชีวิตของเชคนิมร์แสดงให้เห็นว่า มีบางฝ่ายได้ร่วมมือกับเพชฌฆาต (ซาอุดิอาระเบีย) เพื่อดับเสียงแห่งการเรียกร้องสิทธิ์และความยุติธรรม ในขณะที่เสียงของสัจธรรมและความจริงนั้นจะแข็งแกร่งและดังกว่าเสียงกระสุนเสมอ อาชญากรรมนี้แสดงให้เห็นว่าประชาคมระหว่างประเทศได้ปิดตาจากอาชญากรรมเหล่านี้และมีการปฏิบัติที่เป็นสองมาตรฐานอย่างไร ประชาคมระหว่างประเทศได้ขายมโนธรรมของตนแลกกับเปรโตดอลลาร์ไปเสียแล้ว

   ในขณะที่ประชาคมระหว่างประเทศได้ส่งเสียงอีกกระทึกครึกโครมต่ออาชญากรรมการถูกฆาตกรรมอย่างโหดร้ายของญะมาล คาช็อกกี นักข่าวหนังสือพิมพ์ชาวซาอุดิอาระเบียในสถานกงสุลของประเทศของเขาในอิสตันบูล แต่พวกเขากลับนิ่งเงียบต่อการสังหารหมู่ประชาชนชาวเยเมนโดยมือของซาอุดิอาระเบีย อาชญากรรมเหล่านี้เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่แสดงถึงการเสื่อมถอยทางด้านศีลธรรมของประชาคมระหว่างประเทศและการร่วมมือของโลกในการต่อต้านชนชาติที่ถูกกดขี่ (มุสตัฎอะฟีน) ทั้งหลาย

ที่มา : อัล-อาลัม

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม