เจ้าหน้าที่ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์รายงานเกี่ยวกับการถอนกำลังออกจากเยเมน เปลี่ยนยุทธศาสตร์ทางทหารไปเป็นยุทธศาสตร์สร้างสันติภาพ ปลดตัวเองเพื่อหลุดพ้นจากสงคราม 4 ปีของเยเมน

    สำนักข่าว "Mehr" รายงาน (เมื่อวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม 2562) โดยอ้างจาก "RT"  ภาษาอาหรับว่า เจ้าหน้าที่ของเอมิเรตส์ผู้หนึ่งกล่าวกับเอเอฟพีว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ลดจำนวนกองกำลังของตนในเยเมนแล้วและจะเปลี่ยนจากยุทธศาสตร์ทางทหารไปสู่ยุทธศาสตร์สร้างสันติภาพในเร็วๆ นี้

    เจ้าหน้าที่เอมิเรตส์ผู้นี้กล่าวว่า : กองทัพของเราจะออกจากเยเมน การลดกองกำลังด้วยเหตุผลเชิงกลยุทธ์ในอัล หะดีดะฮ์ในตะวันตกและเหตุผลต่างๆ ทางยุทธวิธีในพื้นที่อื่นๆ ประเด็นของการเปลี่ยนจากยุทธศาสตร์ทางทหารไปเป็นยุทธศาสตร์สันติภาพนั้นเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก

    ในขณะเดียวกันสื่อต่างๆ ได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความตั้งใจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่จะถอนกองกำลังส่วนใหญ่ของตนออกจากกลุ่มพันธมิตรภายใต้การนำโดยซาอุดิอาระเบียในการทำสงครามกับเยเมน

    เมื่อไม่นานมานี้หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลของสหรัฐฯ ได้เขียนโดยอ้างจากเจ้าหน้าที่ตะวันตกว่า : ยูเออีกำลังจะถอนทหารออกจากเยเมนในไม่ช้านี้

    เจ้าหน้าที่ตะวันตกผู้นี้ได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลต่ออีกว่า : ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต้องการที่จะปลดตัวเองให้หลุดพ้นจากสงคราม 4 ปีของเยเมน ด้วยกับการถอนกำลังของตนเองออกจากเยเมน ซึ่งนำไปสู่การคัดค้านจากรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกา

    รายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลได้กล่าวเพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า : ในช่วงหลายสัปดาห์มานี้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ถอนกำลังรถถังและเฮลิคอปเตอร์จู่โจมจำนวนมากพร้อมกับกำลังพลนับร้อยออกจากทะเลแดง

    สิ่งที่ควรกล่าวถึงก็คือว่า ล่าสุดหลังจากที่รอยเตอร์ได้รายงานการถอนกองกำลังของยูเออีในเยเมนโดยอ้างอิงสี่แหล่งที่มา บางแหล่งข้อมูลได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ "เราะยุลเยาม์" เกี่ยวกับเบื้องหลังของการตัดสินใจนี้

    แหล่งที่มาเหล่านี้ได้เปิดเผยว่า : มุฮัมมัด บิน รอชิด อัลมักตูม ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองนครดูไบมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของยูเออี มุฮัมมัด บิน รอชิด ในการประชุมร่วมกับมุฮัมมัด บิน ซายิด อัลนะฮ์ยาน มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบีได้กล่าวว่า ดูไบยังไม่พร้อมที่จะจ่ายค่าใช่จ่ายจำนวนมากอันเป็นผลมาจากการดำเนินการของกลุ่มฮูซี ในการกำหนดเป้าหมายไปยังศูนย์กลางต่างๆ ที่สำคัญในดูไบเป็นการตอบโต้ยูเออีต่อการมีส่วนร่วมในสงครามเยเมน

    แหล่งข่าวดังกล่าวอธิบายว่า : อัลมักตูมได้ชี้โดยนัยถึงจะคุกคามความเป็นเอกภาพของยูเออีหากประเทศของตนยังคงดำเนินนโยบายคุกคามเยเมนอยู่ต่อไป

    แหล่งที่มาเหล่านี้ได้เสริมว่า : อันซอรุลลอฮ์แห่งเยเมนได้ส่งโดรนหลายลำไปบินเหนือน่านฟ้าของยูเออีและโดรนเหล่านี้ได้บันทึกภาพต่างๆ จากสนามบินอาบูดาบีและดูไบ และนี่เป็นข้อความที่ชัดเจนที่ส่งถึงบรรดาผู้นำของยูเออีที่ว่า  อันซอรุลลอฮ์มีความสามารถที่จะขยายเป้าหมายของตนเองไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสนามบินต่างๆ ของประเทศนี้

     หนังสือพิมพ์ "เราะยุลเยาม์" ได้เขียนต่อไปว่า : การดำเนินการของยูเออีนี้เกิดขึ้นพร้อมกับพยานหลักฐานและท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่ของยูเออีที่พยายามหลีกเลี่ยงจากการเพิ่มความตึงเครียดกับอิหร่าน การเดินทางเยือนมอสโกของอับดุลลาอฮ์ บินซายิด และการที่เขาได้กล่าวว่า เขาไม่คิดว่าอิหร่านจะอยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในทะเลโอมานและอ่าวเปอร์เซียนั้น เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า อาบูดาบีกำลังเคาะประตูต่างๆ กรุงมอสโกเพื่อลดความตึงเครียดกับอิหร่าน เราเชื่อว่าเราจะได้เห็นพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของอาบูดาบีและนี่เป็นการทบทวนท่าทีใหม่ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับประเทศนี้ รวมทั้งซาอุดิอาระเบียด้วยเช่นกัน

    "อับดุลบารี ฮัฏวาน" นักวิเคราะห์ผู้มีชื่อเสียงของโลกอาหรับได้ชี้ถึงข่าวเกี่ยวกับการถอนกองกำลังของยูเออีออกจากเยเมนพร้อมกับการยกเหตุผลดังต่อไปนี้ :

     ประการแรก : การโจมตีจากกองทัพและคณะกรรมการประชาชนของเยเมนเข้าไปในใจกลางของบรรดาประเทศสมาชิกของพันธมิตรซาอุฯ และการเพิ่มขึ้นของความไม่พอใจจากประชาชนในประเทศเหล่านี้ (ต่อรัฐบาลของตนเอง)

    ประการที่สอง : การพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพและคณะกรรมการประชาชนของเยเมนและการครอบครองอาวุธขั้นสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านขีปนาวุธและอากาศยานไร้คนขับและความสำเร็จในการสร้างการป้องปรามที่สามารถขับกองทัพอากาศของพันธมิตรให้ออกจากสนามสู้รบและการทำลายประสิทธิภาพของมัน

    ประการที่สาม : เป้าหมายต่างๆ จากการโจมตีของเยเมนมีอยู่ในส่วนลึกของซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กองทัพเยเมนและคณะกรรมการประชาชนของเยเมนมีเป้าหมายต่างๆ กว่า 400 เป้าหมายในใจกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดิอารเบีย ที่ขีปนาวุธที่แม่นยำและโดรนของตนสามารถเข้าถึงได้

    ประการที่สี่ : การล่มสลายของระบบป้องกันภัยภาคพื้นดินและระบบป้องกันภัยทางอากาศของบรรดาประเทศพันธมิตร (ภายใต้การนำของซาอุดิอาระเบียในการต่อต้านเยเมน) ซึ่งได้ใช้ค่าใช้จ่ายหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในการจัดหามัน ระบบแพทริออตซึ่งมีราคา 6 ล้านดอลลาร์ไร้ความสามารถในการจัดการกับขีปนาวุธราคา 1,500 ดอลลาร์ของเยเมน ซึ่งสนามบินของซาอุดิอาระเบียส่วนใหญ่ตกอยู่ในอันตราย

     ประการที่ห้า : ช่องทางการสื่อสารระหว่างยูเออีและเยเมนซึ่งนำไปสู่ข้อตกลงลับโดยมีสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการถอนกองกำลังของยูเออีออกจากตอนเหนือของเยเมนไปอยู่ทางตอนใต้ของเยเมน แลกกับการไม่โจมตีโดยขีปนาวุธของเยเมนไปยังสนามบินอาบูดาบีและดูไบ ขีปนาวุธที่ยิงไปถึงสนามบินของเมืองอับฮา, ริยาดและเจดดาห์ ก็สามารถที่จะยิงไปถึงดูไบและอาบูดาบีได้เช่นเดียวกัน

     ประการที่หก : มีความไม่พอใจที่รุนแรงและเพิ่มทวีขึ้นในหมู่ผู้ปกครองคนอื่นๆ ที่ไม่ต้องการสงคราม อย่างเช่น ในรัฐชาร์จาห์ ดูไบและราสอัลไคมาห์ แม้ว่าความไม่พอใจนี้จะไม่ได้ถูกแสดงออกมาอย่างเปิดเผยก็ตาม แต่การเข้าสู่ปีที่ห้าของสงครามโดยไม่ได้รับความสำเร็จหรือการแก้ปัญหาทางการเมืองใดๆ นั้น ได้ทำให้มันถูกแสดงออกมาอย่างเปิดเผย

     ประการที่เจ็ด : การบาดเจ็บล้มตายอย่างหนักของกองกำลังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และการถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บของบรรดาสมาชิกจากราชวงศ์ผู้ปกครองและบรรดาบุคคลสำคัญเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้

    ประการที่แปด : การถดถอยของระดับการประสานงานทางทหารระหว่างพันธมิตรสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบียในสนามรบ

    ประการที่เก้า : ความไม่พอใจของเจ้าหน้าที่ทหารของเยูเออีต่อกองทัพซาอุดิอาระเบียที่ไม่เข้าร่วมในสนามรบต่างๆ ทั้งๆ ที่มียุทโธปกรณ์ทางทหารที่ทันสมัย

    ประการที่สิบ : การขยายวงของการแทรกแซงของยูเออีในส่วนอื่น ๆ ของโลกอย่างช่น การแทรกแซงในลิเบียและในฮอร์น ออฟ แอฟริกาและแม้แต่ในอัฟกานิสถานและโคโซโว การแทรกแซงเหล่านี้เป็นภาระและค่าใช้จ่ายที่หนักหน่วงสำหรับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ที่มา : สำนักข่าว Mehr

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม