เมื่อวันอังคารวานนี้  20 วัน หลังจากการทำธุรกรรมทางการเงินครั้งแรกกับอิหร่านภายใต้ระบบการเงิน "อินสเท็กซ์" (INSTEX) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมันได้ให้คำมั่นสัญญาในงานแถลงข่าวว่า ในเร็วๆ นี้ การทำธุรกรรมทางการเงินครั้งที่สองกับอิหร่านจะดำเนินการภายใต้กลไก "อินสเท็กซ์"

     สำนักข่าวฟาร์สรายงาน : "เฮโกะ มาส" (Heiko Josef Maas) รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมันประกาศเมื่อวันอังคาร (21 เมษายน 2563) ว่า จะมีการทำธุรกรรมทางการเงินครั้งใหม่โดยระบบการเงิน "อินสเท็กซ์"

     เขากล่าวเสริมว่า : "หลังจากการทำธุรกรรมครั้งแรก อินสเท็กซ์ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาและเราอยู่ในการติดต่อกันอย่างใกล้ชิด และการทำธุรกรรมครั้งใหม่จะเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด"

     รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมันกล่าวว่า การทำธุรกรรมครั้งที่สองของอินสเท็กซ์นั้นจะเกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าจำเป็นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

     เฮโกะ มาส กล่าวเสริมว่า : “การทำธุรกรรมทุกครั้งจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อกำจัดการใช้ประโยขน์ในทางมิชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสนับสนุนทางการเงินสำหรับการก่อการร้ายและการฟอกเงิน”

     กลไกทางการเงินของอินสเท็กซ์ได้เปิดตัวในเดือนมกราคม 2562 โดยสามประเทศในยุโรป คือ อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมนี วัตถุประสงค์ของกลไกทางการเงินนี้คือ เพื่อรักษาธุรกรรมทางการค้ากับอิหร่านเพื่อให้อิหร่านปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 (The Joint Comprehensive Plan of Action: JCPOA)

     ในช่วงประมาณ 20 วันที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส เยอรมันและอังกฤษได้ยืนยันการทำธุรกรรมทางการเงินครั้งแรกกับอิหร่านโดยอาศัยกลไกอินสเท็กซ์

     หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล ได้รายงานรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินครั้งแรกระหว่างยุโรปและอิหร่านภายใต้ระบบการเงิน "อินสเท็กซ์" (INSTEX) โดยเขียนว่า : "รายละเอียดเพียงเล็กน้อยได้ถูกนำเสนอเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินนี้ แต่บรรดาคนใกล้ชิดต่อเรื่องนี้ได้บอกว่า อุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกขายนั้นเกี่ยวข้องกับการรักษาโรคเลือดซึ่งได้ถูกซื้อจากบริษัทเยอรมันและต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะบรรลุข้อตกลงของการซื้อขายนี้ได้"

     ตามคำพูดของบุคคลเหล่านี้ มูลค่าทางการเงินของสัญญานี้ประมาณ 500,000 ยูโร (548,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และอุปกรณ์ที่ขายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบาดของไวรัสโคโรนาแต่อย่างใด

ที่มา : สำนักข่าวฟาร์ส

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม